บทสรุปของโพสต์โดย durumis AI
- การฉีดน้ำหอมที่ชายเสื้อหรือด้านในข้อพับแขน ข้อเท้า ฯลฯ จะช่วยให้กลิ่นหอมติดทนนานและคงกลิ่นหอมได้ดีกว่าการฉีดที่ข้อมือหรือหลังใบหู
- การฉีดน้ำหอมมากเกินไปอาจทำให้กลิ่นหอมแรงเกินไปจนเกิดผลเสียได้ ควรฉีดประมาณ 2-3 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และการทาโลชั่นให้ผิวก่อนฉีดน้ำหอมจะช่วยเพิ่มความติดทนของกลิ่นหอมได้
- ความติดทนของน้ำหอมขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำหอม การใช้น้ำหอมเข้มข้นหรือขอให้ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มความเข้มข้นของน้ำหอมก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน
น้ำหอมเป็นไอเท็มสำคัญที่สามารถส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบุคคลได้ แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจจะส่งผลเสียได้เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นกลิ่นหอมที่ดีแค่ไหน แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่สบายใจได้... เราขอแนะนำวิธีการใช้น้ำหอมอย่างถูกต้อง ตั้งแต่ตำแหน่งการฉีด ปริมาณที่เหมาะสม ไปจนถึงวิธีเพิ่มความคงทนของกลิ่น
หลายคนมักจะฉีดน้ำหอมที่ข้อมือหรือหลังใบหู แต่รู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนั้นอาจทำให้กลิ่นน้ำหอมเสียไปได้ แล้วควรฉีดตรงไหนล่ะ? เรามีคำตอบให้กับคำถามเกี่ยวกับวิธีการฉีดน้ำหอมที่ถูกต้อง
ปริมาณน้ำหอมที่เหมาะสมคือเท่าไหร่?
การฉีดน้ำหอมมากเกินไปอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกรังเกียจได้ บางครั้งก็เห็นคนบางคนฉีดน้ำหอมจนเหมือนอาบน้ำหอมเลยทีเดียว โดยทั่วไปแล้วการฉีดประมาณ 2-3 ครั้งก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้ว่าตัวคุณเองจะรู้สึกว่ากลิ่นไม่แรง แต่คนอื่นอาจจะรู้สึกว่ากลิ่นแรงเกินไป ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไป เพราะโดยปกติแล้วเรามักจะไม่ค่อยรู้สึกถึงกลิ่นของตัวเอง
ตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีดน้ำหอมคือที่ไหน?
ข้อมือเป็นตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่ฉีดน้ำหอม แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ตำแหน่งที่เหมาะสม เนื่องจากมือเป็นส่วนที่สัมผัสกับสิ่งต่างๆ มากที่สุด ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางหายไปได้ง่ายหรือเกิดการปนเปื้อน สาเหตุที่หลายคนเข้าใจผิดว่าควรฉีดที่ข้อมือเนื่องจากคิดว่าชีพจรและอุณหภูมิของข้อมือจะช่วยให้กลิ่นกระจายตัวได้ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยันเรื่องนี้
โดยเฉพาะการฉีดน้ำหอมที่ข้อมือแล้วถูเข้าหากัน จะทำให้เกิดความร้อนซึ่งอาจทำให้กลิ่นน้ำหอมระเหยหรือเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการทำเช่นนี้ ถ้าอยากฉีดที่มือจริงๆ แนะนำให้ฉีดที่หลังมือจะดีกว่า เพราะบริเวณนี้ไม่ค่อยมีเหงื่อออก ทำให้ลดโอกาสที่น้ำหอมจะเสื่อมสภาพและลดโอกาสการสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ได้
ตำแหน่งถัดมาที่นิยมฉีดคือหลังใบหู มักจะฉีดที่ข้อมือแล้วถูเข้าหากันก่อน แล้วค่อยเอามาแตะหลังใบหู ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดเช่นกัน เพราะหลังใบหูเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมัน และไขมันที่หลั่งออกมานั้นอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อยู่แล้ว หากฉีดน้ำหอมที่หลังใบหู กลิ่นน้ำหอมก็อาจจะไปผสมกับกลิ่นเหล่านั้นจนกลายเป็นกลิ่นแปลกๆ ที่ไม่น่าพึงพอใจ ดังนั้นการฉีดน้ำหอมที่หลังใบหูจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
แนะนำให้ฉีดน้ำหอมที่ชายเสื้อหรือด้านในข้อพับแขนแทน และเนื่องจากกลิ่นมักจะลอยขึ้น ดังนั้นการฉีดที่ข้อเท้าหรือชายกางเกงก็จะช่วยให้ได้กลิ่นหอมที่อ่อนโยนยาวนานขึ้น
เคล็ดลับการเพิ่มความคงทนของน้ำหอม
หากต้องการเพิ่มความคงทนของน้ำหอม ให้ทาโลชั่นหรือวาสลีน (Vaseline) บริเวณผิวหนังก่อนฉีดน้ำหอม เพราะความชุ่มชื้นจากน้ำมันจะช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานขึ้น นอกจากนี้การฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ก็ช่วยเพิ่มความคงทนได้เช่นกัน ความเข้มข้นของน้ำหอมก็มีผลต่อความคงทน ดังนั้นการใช้น้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงก็เป็นอีกหนึ่งวิธี หรืออาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอมให้เพิ่มอัตราส่วนของน้ำหอม (Perfume Concentration) ก็ได้เช่นกัน
อัตราส่วนน้ำหอม (Perfume Concentration)
อัตราส่วนน้ำหอมคือตัวชี้วัดความเข้มข้นของกลิ่นน้ำหอม ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภท องค์ประกอบ และปริมาณของส่วนผสมต่างๆ
น้ำหอมที่มีอัตราส่วนน้ำหอมสูง จะมีกลิ่นที่เข้มข้นกว่า
น้ำหอมที่ดีสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่นได้ แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจจะส่งผลเสียได้เช่นกัน ขอให้ผู้อ่านนำข้อมูลในบทความนี้ไปปรับใช้ในการใช้น้ำหอมอย่างถูกวิธี