หัวข้อ
- #ความสะอาดของเครื่องเป่ามือ
- #วิธีการล้างมือ
- #กระดาษเช็ดมือสะอาดที่สุด
- #สุขอนามัยในห้องน้ำสาธารณะ
- #เครื่องอบแห้งฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต
สร้าง: 2024-03-31
สร้าง: 2024-03-31 01:45
หลายคนคิดว่าการใช้เครื่องเป่าลมร้อนในห้องน้ำสาธารณะเพื่อเช็ดมือเป็นเรื่องถูกสุขอนามัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว กระดาษเช็ดมือมีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องเป่าลมร้อนอาจทำให้ไวรัสและแบคทีเรียกระจายไปในอากาศ แต่กระดาษเช็ดมือสามารถป้องกันได้ นอกจากนี้ การเสียดสีระหว่างกระดาษเช็ดมือกับมือยังช่วยขจัดแบคทีเรีย ทำให้มือสะอาดยิ่งขึ้น การใช้เครื่องเป่าลมร้อนอย่างถูกวิธีเป็นอย่างไร
เราสามารถพบเห็นเครื่องเป่าลมร้อนติดตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สนามบิน และอาคารต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เมื่อเห็นเครื่องเป่าลมร้อนที่ให้ความอบอุ่นและปล่อยรังสี UV เรามักจะคิดว่ามันถูกสุขอนามัย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย! ผลการวิจัยพบว่ามือที่เป่าด้วยเครื่องเป่าลมร้อนมีไวรัสตกค้างมากกว่ามือที่เช็ดด้วยกระดาษเช็ดมือ
การเช็ดมือหลังล้างมือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เครื่องเป่าลมร้อนอาจทำให้ละอองน้ำและอนุภาคไวรัสบนมือกระจายไปในอากาศได้ ลมแรงจะพัดพาไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของผู้อื่นได้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตอนนี้แค่คิดที่จะเข้าห้องน้ำที่มีเครื่องเป่าลมร้อนก็รู้สึกกลัวแล้วล่ะ
การใช้กระดาษเช็ดมือเช็ดมือแทนเครื่องเป่าลมร้อนเป็นวิธีที่ถูกสุขอนามัยที่สุด เนื่องจากกระดาษเช็ดมือสามารถกักเก็บอนุภาคไวรัสไว้ภายใน ไม่ปล่อยให้กระจายไปในอากาศ นอกจากนี้ การเช็ดมือยังทำให้เกิดการเสียดสี ช่วยขจัดแบคทีเรีย ทำให้มือสะอาดยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าอาจมีไวรัสตกค้างอยู่บนพื้นผิวของกระดาษเช็ดมือบ้าง แต่จำนวนไวรัสจะน้อยกว่าเครื่องเป่าลมร้อนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากใช้กระดาษเช็ดมือแล้ว ควรพับทิ้งอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการสัมผัสกับไวรัส
ในปัจจุบัน ห้องน้ำสาธารณะหลายแห่งเริ่มติดตั้งเครื่องอบแห้งด้วยรังสี UV แต่ องค์การอนามัยโลกไม่แนะนำให้ใช้เครื่องอบแห้งด้วยรังสี UV เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้ เนื่องจากผิวหนังได้ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยสบู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV เพิ่มเติม เพื่อสุขภาพผิวจึงไม่ควรใช้เครื่องอบแห้งประเภทนี้
อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องใช้เครื่องเป่าลมร้อนจริงๆ ควรใช้ให้ถูกวิธี โดยควรยื่นมือออกให้สุดเพื่อให้ลมสัมผัสกับผิวหนังทุกส่วน และควรเป่าจนแห้งสนิท นอกจากนี้ ควรขยับมือไปมาในระหว่างเป่าด้วย ผมขอออกจากห้องน้ำไปพร้อมกับมือเปียกๆ ดีกว่า
การล้างมือเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการป้องกันตัวเองจากไวรัสและแบคทีเรีย ควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที ขัดถูให้ทั่วถึง แล้วเช็ดให้แห้ง
การเช็ดให้แห้งสนิทเป็นสิ่งสำคัญ
การล้างมือด้วยน้ำเปล่าโดยไม่ใช้สบู่ หรือล้างเพียงบางส่วนของมือเนื่องจากเวลาจำกัด อาจทำให้เช็ดล้างแบคทีเรียได้ไม่หมด จึงควรใช้สบู่ถูให้เกิดฟองและขัดถูให้ทั่วถึง
สบู่ที่วางอยู่ในห้องน้ำสาธารณะ... หลายคนคิดว่ามันไม่ถูกสุขอนามัยเพราะหลายคนสัมผัส แล้วสบู่เองจะมีแบคทีเรียเจริญเติบโตได้หรือไม่? ได้ครับ แต่ถ้าล้างมืออย่างถูกวิธีเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที แบคทีเรียที่ติดอยู่บนสบู่จะไม่ติดมือเรา การทำเช่นนี้ทำให้สามารถใช้สบู่ได้อย่างปลอดภัย
สบู่มีทั้งคุณสมบัติชอบน้ำและไม่ชอบน้ำ ซึ่งแบคทีเรียส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำ จึงสามารถขจัดแบคทีเรียและคราบไขมันออกได้ การถูให้เกิดฟองและขัดถูให้ทั่วถึงจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับแบคทีเรียบนสบู่ได้
ไฮโดรฟิลิก (Hydrophilic)
คุณสมบัติที่ชอบน้ำ ไฮโดรฟิลิก หมายถึง คุณสมบัติที่ชอบโมเลกุลของน้ำ หมายถึง อะตอมที่มีขั้วจะแสดงคุณสมบัติไฮโดรฟิลิก คำตรงข้ามคือ ไฮโดรโฟบิก
ไฮโดรโฟบิก (Hydrophobic)
คำตรงข้ามกับไฮโดรฟิลิก หมายถึง คุณสมบัติที่ไม่ชอบน้ำ หรือคุณสมบัติที่ลอยอยู่บนน้ำ กล่าวคือ คุณสมบัติที่ไม่ผสมกับน้ำและผลักน้ำออกไป
เครื่องเป่าลมร้อนในห้องน้ำสาธารณะดูเหมือนจะสะดวกและถูกสุขอนามัย แต่กลับมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของไวรัส เราไม่ควรลืมว่าการใช้กระดาษเช็ดมือและการล้างมือให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ความคิดเห็น0